ปล่อยกายปล่อยใจ...มาผ่อนคลายกับ Calm Spa


ไม่ไหวแล้วววว!!! ไหนจะรถติด งานเข้า สารพัดปัญหาแบบไลฟ์สไตล์คนเมือง ทำเอาหัวร้อน สมงสมองไปหมด ร่างกายโหยหาหมอนวด สปา และกลิ่น ดอกไม้อ่อนๆ ซึ่งแน่นอนว่า ในกรุงเทพฯ เองก็มีร้านสปามากมายจนเลือกไม่ถูก ทั้งหาข้อมูล อ่านรีวิวร้านดังอยู่ 2 - 3 วัน เลยเกิดมิชชั่นขึ้นมาในหัว ’เดินทางไปง่าย เงียบสงบ ดูฮิปส์ๆ มินิมอลหน่อยๆ’ คิดอยู่อย่างนั้นทั้งวัน จนในที่สุด กฎแห่งแรงดึงดูดก็ทำงาน (จากการสไลด์ดูโน้นนี่นั่นในเฟสบุ๊ค) ทำให้เรา ได้เจอกับ Calm spa เราก็ไม่รอช้า คลิ๊กเข้าไปดูรูปประกอบ...ขุ่นพระ!! ตรงตามโจทย์ที่คิดไว้ในหัวเลย เราก็ไม่รอช้าเข้าไปสอบถามข้อมูลและราคาในอินบ๊อกซ์ จองวัน-เวลาและเส้นทางไปร้านทันที

การเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกใช้ BTS ลงที่สถานีอารีย์ ร้านอยู่ในซอยอารีย์ 4 (ฝั่งเหนือ) เดินเข้าไปในซอยประมาณ 500 เมตร จะเห็นป้ายร้านเล็กๆ เป็นร้านคาเฟ่ ชื่อร้าน Bar Storia Del Caffe  ไม่ต้องตกใจไป เดินทะลุเข้าไปได้เลย (จริงๆ เขามีประตูร้านแยกกัน แต่ทีแรกไม่เห็นเองจ้า >//< )



ความรู้สึกหลังจากเปิดประตูเข้า Calm Spa พูดเลยว่าบิ๊วรู้สึกกันสุดๆ ด้วยการออกแบบร้านดูเท่มีสไตล์ ใช้สีเอิร์ธโทนให้ความรู้สึกอบอุ่น แสงไฟสีส้มนวลตา บวกกับกลิ่นหอมซีตรัสอ่อนๆ คลอเพลงแจ๊ส ในส่วนนี้เป็นโซนต้อนรับ จะมีพนักงานคอยแนะนำทรีตเม้นท์ประจำร้าน ครั้งนี้เราจัดเป็น Signature Package: Stay Calm (75 นาที) โดยหลักๆ จะเป็นการนวดน้ำมันกับนวดเท้า เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเส้นที่ตึงเครียดของร่างกาย เมื่อเลือกได้เรียบร้อยก็ลุยต่อที่ชั้น 2



โซนแรกเป็นโถงรับรองลูกค้าและห้องสปา เมื่อพนักงานเปิดประตูให้เข้าไป ฟีลลิ่งเหมือนอยู่ในสวน ดูสว่างขึ้นทันตา เนื่องจากด้านบนมีการใช้กระจกใส รับแสง ธรรมชาติ เพิ่มเติมด้วยกลิ่นหอมสดชื่นกับต้นไม้น้อยใหญ่ทั้งที่แนวถนังและบริเวณที่นั่ง แบ่งเก้าอี้เป็นล็อคๆ เพิ่มความเป็นส่วนตัว โอ้โหหหห....ฟินไปอีกกกกก ระหว่างที่พนักงานก็ได้มาเสิร์ฟ welcome drink เป็นชาไวท์เบอร์รี่ พร้อมกับผ้าเย็น ก็จะมีการสอบถามข้อมูล อยากให้เทอราพิสท์ลงน้ำหนักประมาณไหน เน้นตรงไหนบ้าง ตรงไหนให้ระวังไหม ต่อจากนั้นก็เลือกน้ำมันนวด มีให้เลือก 3 กลิ่น: Calming ให้กลิ่นไม้และซีตรัส Refreshing กลิ่นสดชื่นแรงที่สุด และกลิ่นสุดท้ายที่เลือกคือ Relaxing กลิ่นจะหอมนัวๆ มีความลาเวนเดอร์ ก่อนที่พนักงานจะแนะนำเทอราพิสท์ที่จะดูแลและพาไปที่ห้องสปา เพื่อเปลี่ยนชุดเตรียม พร้อมสำหรับการนวด


ก่อนเริ่มการนวด เทอราพิสท์จะทำความสะอาดเท้าให้เราก่อนทำทรีตเม้นท์ ต่อจากนั้นก็ขึ้นเตียง จัดท่าทาง สูดกลิ่นออยล์ที่เลือก พร้อมเข้าสู่พิธีกรรมการนวดนำ้มัน เริ่มต้นที่คอ บ่า ไหล่ก่อน ซึ่งเป็นจุดที่ขอให้เขาเน้นเป็นพิเศษ ไล่ไปที่หลัง เอว มือ แขน ขา ฝ่าเท้า หน้าอก และศีรษะ ก่อนลงจากเตียงเทอราพิสต์ จะนำผ้าชุ่มหน้าอุ่นมาเช็ดมือและเท้าทำความสะอาด โดยรวมๆ แล้วจัดว่าใช้ได้เลย รู้สึกผ่อนคลาย สบายตัว มีเผลอหลับไปแบบไม่รู้ตัวเป็นระยะ การลงน้ำหนักมือกำลังดี 


เมื่อการนวดเสร็จสิ้น พนักงานก็นำชาและเค้กฟักทองมาให้ สอบถามความพึงพอใจ แล้วก็ให้เดินชมร้านไปตามอัธยาศัยในโซนนวดไทยและนวดเท้า ซึ่งเตียงนวดไทยก็จะเป็นเตียงเหมือนร้านทั่วไป ส่วนโซฟานวดเท้าดูจะพิเศษขึ้นมาหน่อยตรงที่โซฟาสามารถปรับนอนได้ เพื่อให้เลือดไหลเวียนจากเท้าไปที่ศีรษะ และเห็นพี่เทอราพิสต์บอกว่า เดี๋ยวเร็วๆนี้ ทางร้านจะเปิดให้บริการสปามือ-เท้าและทำเล็บด้วย


สำหรับค่าเสียหายของ Signature Package: Stay Clam อยู่ที่ 2,300 บาท อันนี้ต้องลงไปจ่ายเงินที่ชั้น 1  พอลงไปรอก็เหลือบไปเห็นว่า ทางร้านก็มีผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคขายด้วย ทั้งสบู่และโลชั่น หากสาวๆ คนไหนสนใจสามารถสอบถามได้ หรือจะเช้าไปดูรายละเอียดของร้านได้ที่ www.facebook.com/CalmspaThailand


//มิชชั่น คอมพลีท //

Comments